เที่ยวทามันเนการา | อุทยานแห่งชาติมาเลเซีย อายุกว่า 130 ล้านปี !!!

February 18, 2017
472 views
25 mins read

เที่ยวทามันเนการา

– มาเลย์ มาเลย์ เพลงพี่เป้ เสรอก็ดังเข้ามาในหัว เพราะอะไรถึงเลือกมาที่นี่ ง่ายๆเลย เจอตั๋วโปรบินไปกลับ พร้อมที่พัก 3 คืนราคา 2,400 บาท ! จองอย่างไวไม่ต้องคิดมาก

ทริปตั๋วบินพร้อมที่พักโปรๆ 2,400 บาท 4 วัน 3 คืน จาก AirAsiaGo

ส่วนจะไปไหนก็ค่อยคิดกัน สุดท้ายเราก็อยากไป 3 เมืองอย่าง กัวลาลัมเปอร์ อุทยานแห่งชาติทามันเนการา และ อิโปร์ แหล่งกินตัวแตก ไปค่ะพี่สุชาติหนูพร้อมแล้วไปเที่ยวกัน ตามฉันมา 6 August Journey จะพาตะลุยเที่ยวกัวลาลัมเปอร์

[divider style=”dashed” height=”2px” color=”#eeff00″]งบที่ใช้สำหรับเมืองนี้

[divider style=”dashed” height=”2px” color=”#eeff00″]เตรียมอะไรบ้าง

[icon type=”fa-commenting” color=”#999999″ size=”20px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ] จองรถขับในมาเลย์ไม่ยากอย่างที่คิด ไม่ต้องมีใบขับขี่สากล คลิกที่นี่
[icon type=”fa-commenting” color=”#999999″ size=”20px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ] การคมนาคมข้ามเมืองไปอิโปร์ ด้วยรถบัส และ รถไฟ
[icon type=”fa-commenting” color=”#999999″ size=”20px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ] สิ่งที่ห้ามลืมคือ ที่นี่ใช่ปลั๊กไฟต่างจากบ้านเรา อย่าลืมเตรียมตัวแปลงไป
[icon type=”fa-commenting” color=”#999999″ size=”20px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ] แลกเงินมาเลย์ไปเลย แนะนำ Superrich เพราะถูกกว่าชาวบ้านเลย
[icon type=”fa-commenting” color=”#999999″ size=”20px” style=”circle_thin” link=”” new_window=”true” ]  การเดินทางไป อุทยานแห่งชาติทามันนาการา คลิกที่นี่

[divider style=”dashed” height=”2px” color=”#eeff00″]ไปไหนมาบ้าง

[tdivider style=”fa-star” color=”#222222″]

2nd Day : การเดินทางวันที่ 2 เริ่มแล้ว !!!

เช้าวันนี้เราเริ่มเดินทางกันแบบ Road Trip ใครจะไปรู้ว่าเราจะมาเดินทางกันแบบนี้ในเมืองใกล้ไทย จะว่าไปแล้วมันก็สะดวกสบายเหมือนกันนะ เพราะที่นี่เหมือนที่เราเคยเล่า ว่ามีรถไฟเยอะจริงแต่ขาดๆเกินๆ 55+ เรียก Uber ก็นานเหลือเกินเสียเวลาเที่ยวมาก รถนี่แหละตอบโจทย์

เรื่องการเช่ารถ เราเล่าไว้แล้วในการเตรียมตัว ส่วนเรื่องการขับขี่บนท้องถนนนั้น ขับกันสบายมาก ถนนดี เหยียบลืมเลยต้องคอยดึงสติคนขับ เพราะนางบอกว่าถนนขับมันมาก บางทีก็ลืมตัวขับ 140 กม/ชม ซึงผิดกฎหมายเขานะ น้ำมันถูกขับมัน หายห่วง

ความตื่นเต้นของวันนี้คือ Plaza ที่ถ้าเราเห็นคำนี้เราจะเข้าใจว่ามันต้องเป็นห้าง มีของให้กิน แต่ที่นี่ไม่ใช่เพราะ Plaza ที่นี่คือ ด่านเก็บเงินทางพิเศษ ! แล้วพีคมากเมื่อไม่รู้ว่าต้องเข้าช่องไหนถ้าไม่มีบัตรพิเศษ (Touch and Go)

ด่านแรกๆก็พอผ่านไปได้หรอก แต่ด่านที่ 2 นี่เริ่มไม่รอดโดนไล่ไปซื้อบัตรที่ด่านข้างๆกัน คนขับต่อหลังเรานี่ด่าแม่แน่นอน 55+ นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมเราถึงซื้อบัตรใบนี้ ทั้งที่ค่าบัตรแสนจะแพง กว่าจะถึงอุทยานผ่านหลาย Plaza มากถึงกับกุมขมับว่าเงินจะเหลือไหม แล้วถ้าไม่เหลือเติมที่ไหน ?

มีผ่านด่านหนึ่ง เงินในบัตรหมด แล้วแบบตู้ที่เราเข้าเติมไม่ได้ ต้องลงจากรถไปเติมอีกตู้ รถที่ต่อแถวก็ 7-8 คันได้ อายมากสรุปว่าที่ปั๊มน้ำมันเติมได้นะ ถ้าใครอยาก Road Trip แบบเราอย่าลืมเตรียมตัว 55+ สุดท้ายก็มาถึง อุทยานแห่งชาติแห่งนี้

บรรยากาศการขับรถมาตลอดทางในเขตอุทยาน เราสัมผัสได้เลยว่าที่นี่อุดมสมบูรณ์ Google Map ก็นำทางเรามาเจอจุดนี้ ทำเรางงเลยไม่เห็นเหมือนในภาพที่เรา search เลยเลยเดินลงไปถามๆ ได้ความว่าอุทยานแห่งชาติต้องนั่งเรือข้ามไปนั้นแหละ เพื่อซื้อ Permission fee สำหรับเข้าอุทยาน

เรามากัน 3 คนและมาในช่วงเวลาที่ไม่มีใครเขาเที่ยวกัน เรื่องการเหมาจึงเกิดขึ้น ด้วยเวลาที่จำกัดแล้วเราเลยตัดสินใจซื้อ Package 1 day trip ตกคนล่ะ 70 ริงกิตหรือ 560 บาทต่อคน โดยจะพาไปในสิ่งที่เราอยากไปเช่น หมู่บ้านซาไก, Canopy walk และ ล่องเรือ

ค่าเข้าอุทยานไม่แพงนะในความคิดเรา แต่มันจะมีค่าพกกล้องเข้าไป ส่วนใครค้างที่นี่ก็จะเก็บเพิ่มอีก 5 ริงกิต แต่เราขอบอกเลยว่าควรค้างเป็นอย่างยิ่ง เพราะที่นี่สิ่งที่โดดเด่นคือ Night Safari คุณจะเห็นอะไรแปลกๆ เช่น งู ลิงเล็ก จากป่าดิบชื้นที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

อากาศที่นี่เย็นใช้ได้เลย และ ต้นไม้ก็สูงมากหนาแน่นด้วยธรรมชาติ หลังจากได้ใบอนุญาตเข้าอุทยานแล้วเราก็มุ่งหน้าไปที่ Canopy Walk ที่ได้ชื่อว่ายาวที่สุดในโลก แต่แบ่งตอน ไม่ใช่เส้นเดียวจบ และสูงมาก เพราะต้นไม้ที่นี่สูงมาก คือกี่ร้อยปีกว่าจะได้แบบนี้ ?

โคตรน่ากลัว !! โชว์ป๊อดเลย 55+ กฎของการเดินคือ ต้องห่างกันคนล่ะ 10 เมตรความพีคของการเดินคือ มักจะมีคนไม่เคารพกฎเสมอ ซึ่งก็เป็นเจ้าถิ่นนั้นแหละ แล้วตัวใหญ่มากด้วยความที่อาหารการกินของพวกเขาเป็นแป้งส่วนใหญ่ เขาจะเดินมาใกล้ๆ แล้วทางเดินก็สั่นทั้งเส้น กลัวตายมากค่ะเวลานี้

ด้วยความว่าเขาเคลมว่าเขายาวสุดในโลก 530 เมตร สูง 40 เมตรได้ พูดไปก็ไม่เห็นภาพ เราจำได้เลยว่า ตอนเราเดินโรคประจำตัวบางอย่างถึงกับกำเริบ กลับไม่ได้ไปไม่ถึง เลยต้องเดินแบบนางแบบมองข้างหน้าไม่มองข้างทาง เพราะเราจะช็อคตายได้จริงๆ มันสูงมาก แล้วข้างล่างป่าดิบล้วน ไม่มี Security lock ใดๆทั้งสิ้น

แล้วเราก็จบภารกิจของการเดินบนสะพาน Canopy Walk เล่นเอาเหงื่อตก คือคนอื่นเดินไม่นานนะ แต่พวกเรานี่แบบ 55+ รอดชีวิตแล้ว คือเดินลงมาที่ท่านี่คนขับเรือแกเปลี่ยนชุดแล้วนะ หาปลารอเลย บ่งบอกถึงความนานไหม แล้วเราก็มุ่งหน้าไปต่อที่หมู่บ้านซาไก หรือต่างชาติเขาเรียกว่า Orang Asli

เราก็นั่งเรือไปนี่แหละ แล้วงงมากพี่คนขับเรือก็มาจอดริมน้ำแล้วบอกให้เดินขึ้นไป เราก็คิดในใจแล้วถ้าเขาจับเรากินเราจะทำไงวะ ? เขาบอกจะมีไกด์รออยู่ค่าพาชมหมูบ้านคนล่ะ 5 ริงกิตได้ หรือ 40 บาท เราก็สบายใจว่าจะมีไกด์พูดภาษาได้รออยู่ พอขึ้นไปเท่านั้นแหละ ….

คือไหนไกด์ ? เจอแต่ครอบครัวซาไก และ เด็กๆ ใจดีสู้เสือนั่งรอก่อน แล้วตะโกนบอกว่ารอ Village tour แล้วผู้ชายในภาพก็บอกเขานี่แหละไกด์ ตอนแรกก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่คนข้างนอกมาเจอเลยมาสอน พวกเขาเหล่านี้ดีมากไม่ตื่นเต้นกับเงินทองมากนัก ไม่โก่งราคา 5 ริงกิตก็ 5 ริงกิต ไม่มีขอเพิ่มพร้อมทำหน้าที่

ตามจริงพวกเขาเองคงเป็นคนไม่ใส่เสื้อผ้าอยู่ แต่พอมีคนข้างนอกเข้ามาเที่ยวก็เลยเอาเสื้อผ้าเก่าๆ มามัดเป็นเสื้อผ้า แต่เด็กๆจะแก้ผ้าอยู่กัน อย่างเด็กในภาพอายุแค่ 3 เดือนแต่แข็งแรงมาก เห็นหัวที่ดำๆไหม เขามีความเชื่อว่าถ้าเด็กหน้าตาน่าเกลียดจะไม่มีผีสางมาเอาไป เขาเลยเอาตูดหม้อทาหัว

แล้วไกด์ของเราก็ทำเรื่อง Amazing ให้เราดูคือการจุดไฟด้วยมือเปล่า และ การล่าสัตว์มันเป็นอะไรที่เราอึ้งทึ่งมาก เพราะเขาแค่เอาเปลือกไม้มาสีไม้ไฟก็ติด 1 นาทีเท่านั้น นอกจากนั้นยังมีสาธิตการเหลาลูกดอกอาบยา เพื่อเป่าใส่สัตว์ แล้วเป่าให้ดูเลย แม่นมาก และแรงทะลุตุ๊กตาไปเลย

บรรยากาศการเป็นอยู่ของชาวซาไกนี่เป็นธรรมชาติล้วนๆเลย เรายังงงเลยว่าเขาเอาชีวิตรอดกันได้ไง ยุงป่าดิบชื้นไม่กัดตายหรอ นอกจากนั้นแล้ว อาหารการกินเขาก็ยังอยู่กับการล่าสัตว์นะ แอบถามว่าล่าอะไรมากินในป่า เขาก็บอกว่ามันจะมีไก่ป่า และ ลิงเล็ก (Little Monkey) ที่เขาเอามากินกัน !!!!

เรารู้สึกว่าเรามาไกล เราได้เห็นวิถีชีวิตแบบนี้ก็คุ้มค่าแล้วนะ ตอนแรกอยากได้วิวน้ำแห่งหนึ่ง แต่พอมาเจอชาวซาไก เรารู้สึกทึ่ง เพราะมันหากันไม่ได้ง่ายๆนะ ที่วิถีชีวิตเขาจะไม่เปลี่ยนไปขนาดนี้ ที่เปลี่ยนคือใส่เสื้อผ้า 55+ จากนั้นเราก็ไปนั่งเรือชมป่ากัน

อากาศค่อนข้างเย็นเลยแหละ แล้วนั่งเรือเรานี่ขอไม่สุภาพแปบ เพราะนั่งนาน อากาศดี เลยขอปล่อยตัวให้สบายหน่อย 55+ มันจะมีจระเข้ไหม มันจะมีอนาคอนด้าไหม สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ ใต้น้ำที่แห่งนี้แหละ !!!

คือน้ำที่นี่มันเหมือนมีอะไรแปลกๆ จุดที่น้ำนิ่งก็นิ่ง แต่จุดที่น้ำมันมีชีวิตมันน่ากลัวมาก มันแปลกตรงที่เห็นชัดเจนอย่างกับไม่ใช่ธรรมชาติ เรานั่งเรือน้ำนิ่งข้างหน้าจะเป็นน้ำมีชีวิตมันเห็นชัดมาก น้ำมีชีวิตที่ว่ามันเหมือนมีอะไรใต้น้ำที่พร้อมจะดูดเราลงไปได้ทุกเมื่อ และคนขับเรือต้องเล็งทางน้ำ

ที่เห็นนี่ไม่มีฝนตก อากาศปกติสุดๆ แต่น้ำนี่แหละ ใต้น้ำคงมีอะไรที่เราไม่รู้ จุดแบบนี้มี 3 จุดได้ ทุกครั้งที่ต้องผ่านมันไป เรานี่คิดเสมอจริงๆ นี่เราจะใต้เปล่าว่ะ 55+ เราพาคนอื่นมาเสียงด้วยนะเนี่ย แล้วเราก็เข้าท่าไปหาอะไรกินบนแพ อาหารแพงใช้ได้เลยแหละ

อาหารที่นี่ห่างไกลจากความเป็น มุสลิม หรือ แขกมาก มีข้าวมีต้มยำ มีไข่เจียว ไข่เจียวที่นี่ราคาถึง 70 บาทเลยนะ แต่ให้เขาไปเหอะ ในป่าลึกขนาดนี้ อีกอย่างเราว่าราคาแบบนี้เขาขายฝรั่งด้วยแหละ เพราะเห็นแต่ฝรั่ง และ เมนูภาษาอังกฤษ จากนั้นเราก็มุ่งหน้ากลับกัวลาลัมเปอร์

เราต้องแวะปั๊มแล้วแหละ การเติมน้ำมันที่นี่คือ เราต้องเดินเข้าไปในร้านที่อย่างบ้างเราก็เป็น 7-11 แล้วก็จ่ายเงินที่เคาเตอร์ แล้วก็เดินออกมาเติมเอง แล้วอย่าลืมเติมบัตร Touch ‘n Go นะเพราะต้องผ่าน Plaza ขากลับอีกยาวเลย ถือเป็นความสุขของการเดินทางอีกรูปแบบเลยก็ว่าได้

สิ่งที่พบเห็นมันไม่ใช่แค่ปลายทาง แต่ข้างทางก็ทำให้เราตื่นตาตื่นใจ เพราะว่าที่นี่ขับรถออกจากเมืองแค่ 20 นาทีก็พบเห็นวิวภูเขาและ ธรรมชาติเลย รถก็น้อยทั้งๆที่เมืองเขาน้ำมันถูก ยิ่งขับรถเช้าๆนะโคตรสวยเลยวิวริมทาง แล้วคืนนั้นก็พักผ่อนกันยาวๆเลยก็ว่าได้

Khun Peung (6 August Journey)

6 August Journey เป็นผู้หญิงสาย IT ที่ชอบท่องเที่ยว และ ชอบการ Staycation เป็นชีวิตจิตใจ รวมทั้งยังชอบลิ้มลอง Hotel Dining + Omakase โดยเน้นให้ข้อมูลที่ละเอียดสำหรับทุกคนไปตามรอยได้