Walk Camp | 2 วัน 1 คืน…ทิ้งสัญญาณมือถือไป “เลี้ยงช้าง”

November 18, 2017
708 views
30 mins read

Walk Camp

Walk Camp – ใครจะไปรู้ว่ามันจะมีดินแดนหนึ่งในเชียงใหม่ ที่เราสามารถอยู่แบบไร้สัญญาณโทรศัพท์ ได้พักจิตใจจากโลกโซเชี่ยลจริงๆ ที่สำคัญดินแดนแห่งนั้นเราจะมีช้างเป็นเพื่อน ตามเรามา 6 August Journey จะพาไปสัมผัสชีวิต Slow life

อยากไปทำไง ?


เราเริ่มที่การ Inbox ไปที่เฟซบุค : Walk Camp (คลิกที่นี่)
แล้วก็พูดคุยแนวทางของแคมป์ ลำบากอย่างพอดี ไม่มีไฟฟ้าเรารับได้ไหม ถ้าได้ก็โอนมัดจำกันเลยสบายๆ ข้อดีของที่นี่คือเขาจะมีรถมารับพวกเราในตัวเมืองเชียงใหม่เลย คุณจะอยู่นิมมานต์ คุณจะรอที่ตลาด หรือคุณจะเพิ่งออกจากสนามบินเชียงใหม่ เขาก็มารับคุณ เพียงแค่นัดแนะกับลุงคนมารับอย่างลุงสมเพชรมาพร้อมอาหาร 5 มื้อ ของว่าง ที่พักกับเงินแค่ 2,500 บาท

[tdivider style=”fa-star” color=”#222222″]

THE 1ST DAY : เริ่มเดินทางได้แล้ว

เช้านี้เราเริ่มเดินทางกันที่สุวรรณภูมิ แบบเช้าตรู่เลยกับ VietJet ที่เราเลือกสายการบินนี้ครั้งนี้เพราะด้วยเวลาบินที่ตอบโจทย์ทริปนี้ โดยปกติเขาจะบินสู่เชียงใหม่ 5 เที่ยวบินต่อวัน แล้วเวลาที่ตอบโจทย์เลยคือออกจากกรุงเทพ 06:05 ถึงเชียงใหม่เวลา 07:25 เท่านั้นมีเวลาให้เราเดินสัมผัสบรรยากาศเชียงใหม่ยามเช้า

เรามุ่งหน้ากันมาที่ ตลาดประตูเชียงใหม่ ด้วยรถแดงในราคาคนล่ะ 30 บาท เพราะเราอยากมาหาไข่กระทะกินกัน น้องมายช่างภาพประจำเพจเราแนะนำว่า มันจะมีร้านไข่กระทะที่อร่อย และมีพวกฝรัง่ชอบมานั่งกินกันย่านนี้ เราก็มาเดินตามหากันสุดท้ายก็เจอ

แล้วก็เริ่มใช้เงินกันก่อนเข้าป่า เซตนี้ราคา 50 บาทได้ มันก็ไม่ค่อยดั้งเดิมเท่าไรนะ เพราะไข่กระทะที่แท้ทรูต้องทำในกระทะ แล้วจะติดกระทะแต่นี่ออกแนว ถอดมาแล้วเอามาใส่กระทะอีกที 55+ แต่เอาเหอะค่อยตามหาร้านใหม่กันต่อไปแล้วเราก็เดินเล่นแถวนั้นกัน

ความฮิปต์ของเชียงใหม่คงเป็นเรื่องคาเฟ่ เมืองอะไรมีคาเฟ่เต็มเมือง แต่ละคาเฟ่จะสวยฮิปต์หลากหลายแนวกันไป เดินชมวิถีผู้คนในตลาด ของที่ขายมันมีมนต์สเน่ห์อย่างหนึ่ง ที่แบบจะไม่สามารถพบเจอได้ที่กรุงเทพแนะนำลองเดินชมกัน

ไม่นานนักลุงสมเพชรก็โทรมาให้เราไปรอกันที่หน้าตลาดได้เลย ลุงก็มีพร้อมรถแบบรถแดงแหละ ผ่านการรับผู้คนมา 4-5 คนได้แล้ว ทริปไม่รู้จักฉัน ไม่รู้จักเธอจึงเริ่มขึ้นในวันนี้ เราก็ขึ้นรถไปแต่ลุงก็มีวนไปรับสมาชิกเพิ่มแถวนิมมานต์ แล้วจึงมุ่งหน้าสู่ Walk Camp กันได้

ใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึง อาจจะนานแต่พวกเราก็นั่งหลับๆตื่นๆจนจำไม่ได้ว่านานไหม ไกลหรือเปล่าแต่เมื่อเข้าโซนแคมป์ ทางมันก็จะลูกรังสุดๆ ตื่นกันทั้งคัน 55+ จับกันให้แน่นธรรมชาติกำลังรอเราอยู่ !!!

มาถึงกันแล้ว ที่นี่จะมีน้องๆคนรุ่นใหม่ที่ปกติเรียนในเมือง แต่เสาร์อาทิตย์ก็เข้ามาช่วยงาน มาดูแลพวกเราอย่างน้อง เนย และ แยม ส่วนตัวฮาของทริปคงหนีไม่พ้นน้องสมใจ (น้องนัลล๊ากกก 55+)  จะเป็นคนดูแลพวกเราตลอดทริปเลย


พวกเราเริ่มต้นทริปด้วยการเดินชมไร่แห่งนี้โดยที่เราจะมาใช้ชีวิต 2 วัน 1 คืนนี้เรียกว่า ไร่อ้อมกอดภูเขา ที่มีคุณลุงเจ้าของได้ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาบริหารที่แห่งนี้ ข้างบนเขาเล็กน้อยก็จะเป็นที่อยู่อาศัยของชาวเขาที่อยู่ดูแลที่นี่ มีหมูป่า มีควาย และมีการปลูกพืชผักบนนี้


ที่นี่มีพืชผลพิเศษ ที่ถ้ามันย่อยสลายแล้วก็จะกลายเป็นปุ๋ยที่ดีในอนาคตได้ เราก็จับคนล่ะลูกสองลูกโยนเข้าป่าไป เพื่อในอนาคตที่นี่จะอุดมสมบูรณ์ จากนั้นเราก็เดินชมไร่แห่งนี้ ที่นี่ไม่ได้ใหญ่มากนักกำลังพอดีที่จะเดินเล่นได้ทั่ว ที่สำคัญที่นี่เป็นจุดอนุบาลช้าง


มาถึงกันหมาดๆ เดินสำรวจกันเล็กน้อยเราก็เตรียมตัวทานข้าวกลางวันกัน ทริปนี้เข้ารวมอาหาร 5 มื้อไว้ให้ด้วย แถมของว่างดีๆเต็มเพียบ จะว่าไปแล้วอาหารที่นี่อร่อยจัง ทำเราไม่อยากจากไปไหนเลย ไปค่ะไปเริ่มต้นที่อาหารมื้อแรกกัน

นี่เป็นจุดที่เราจะกินข้าวกัน บรรยากาศดีมาก เราต่างไม่รู้จักกันมาก่อนเลย แต่ก็ต้องมาใช้วิธีการทำความรู้จักกันเวลานี้แหละ อาหารมื้อแรกเป็นอะไรที่รู้เลยว่าตั้งใจทำขนาดไหน


ข้าวห่อใบตอง ปลาดุกย่าง ต้มผัก น้ำพริกหนุ่ม แคปหมู ไข่ต้ม นี่กินอย่างราชาท่ามกลางป่าไร้สัญญาณ ช่วงเวลานี้แดดยังคงร้อนอยู่เลยพวกเราทุกคนจึงถูกปล่อยให้พักผ่อนตามอัธยาศัยกันก่อน เวลานี้แหละทำให้รู้จักน้องๆหลายคน บางคนก็โดดเรียนมาที่นี่เฉ้ย 55+ เอาน่าคลาสเดียวไม่เป็นไรหรอก

เชื่อไหมว่าหลายคนหลับ 55+ คือกินอิ่มอากาศดีๆแล้วก็นอนหลับเฉ้ย บางคนก็อ่านหนังสือ บางคนก็ไปเดินเล่น ไม่นานนักแดดก็ร่มพวกเราก็เริ่มกิจกรรมแรกกันได้อย่างกิจกรรม เลี้ยงช้าง !! เราต้องเริ่มต้นด้วยการไปตัดอ้อยกันก่อน เพราะน้องช้างเขากินอ้อยกัน ปลูกตรงนั้น กินตรงนั้นดี๊ดี

ตัดอ้อยคนละต้นแล้วก็เดินไปหาเหล่าช้างที่นี่ พวกเขายังเป็นช้างเด็กที่ไม่มีการตกมันแน่นอนเพราะที่นี่เป็นอนุบาลช้าง เขาจะมีชื่อน่ารักอย่างบัวเงิน (ตัวนี้จะเชื่องมาก) และรัมโบ้ที่เขาจะเป็นตัวผู้ตัวเดียวในช่วงนี้ก็จะดื้อๆหน่อย

ตอนที่เรามาให้อาหารช้าง เราสังเกตว่าทำไมมันเลือกกินแต่กล้วยกัน 55+ เราเลยลองชิมดูจึงพบว่า…กล้วยอร่อยมาก !!! มันหวานแล้วกลิ่นกล้วยน้ำว้าหอมมาก ที่สำคัญใหญ่มากกินแล้วอิ่มยาว 55+ ให้อาหารเสร็จแล้วเราก็ถึงเวลาที่ต้องไปใกล้ชิดกันให้มากขึ้นด้วยการเลี้ยง

ช้างที่นี่เขาไม่ได้ถูกฝึกอย่างโหดร้าย เขาถูกเลี้ยงให้เข้าใจคำสั่งพื้นฐานง่ายๆ ถือเป็นข้อดีของชีวิตช้างในไร่แห่งนี้ อย่างเจ้าบัวเงินเขาจะติดขวาญช้างมาก ติดในชนิดที่ว่าถ้าเดินห่างไปไกลคือวิ่งตามนะ วิ่งแบบไม่คิดชีวิตเลยแหละ 55+ เพิ่งเคยช้างเป็นแบบนี้

ป้อนอาหารน้องช้างแล้ว ถึงเวลาที่ต้องพาน้องเดินไปอาบน้ำกัน เคยรู้ไหมเวลาที่ช้างอาบน้ำเสร็จเขาต้องปะแป้งด้วย เป็นความสุขของน้องช้างเหล่านี้สุดๆ ที่จะได้เอาตัวไปกลิ้งกับดินแดง เอาหัวไถ เอาตัวกลิ้ง ดูก็รู้ว่าเขามีความสุขขนาดไหนคิดดู

เวลาน้องช้างอาบน้ำปะแป้งเสร็จแล้ว เขาก็จะอารมณ์ดีขี้เล่น อย่างเจ้ารัมโบ้ เขาจะมีความสามารถในการหอมแก้มได้ 55+ เสียงดูดจ๊วบเลยแหละ เราเลยอยากลองดูบ้าง ผลที่ได้คือมันก็จะเขิลๆหน่อยแหละ แต่แบบมันจะสยิวมากกว่านะ 55+


จังหวะนี้แดดก็ร่มอย่างแท้จริงแล้ว เราก็ไปทำกิจกรรมเกี่ยวข้าวกัน เราต้องรวบข้าว แล้วค่อยใช้เกียวตัดข้าว ได้มาเป็นช่อๆ ก็ควรมัดข้าวให้เป็นฟอนๆ ถือเป็นกิจกรรมที่ทำให้เราได้เรียนรู้ กันอย่างสนุกๆไม่แพ้การเลี้ยงช้าง

ถึงเวลาที่พวกเราจะได้อาบน้ำอาบท่า แต่ก่อนอาบน้ำเพื่อเป็นการผ่อนคลายเท้า ที่เดินมาทั้งวันทางแคมป์ก็มีสมุนไพร พร้อมน้ำอุ่นให้เราแช่เพื่อผ่อนคลายเท้า มันช่วยได้อยู่นะ สบายเท้าดีระหว่างนั้นเราก็พลัดกันไปอาบน้ำ ที่นี่มีไฟใช้ไม่นานนักเพียงพอสำหรับใช้อาบน้ำ เพราะไฟใช้เครื่องปั่น


ถึงเวลาเย็นจริง แสงเริ่มคล้อย จะเริ่มเห็นหมอกลง อากาศก็จะเย็นๆเลยแหละ คืนที่เรานอนคืนนั้นมีเรื่องเซอไพรซ์ตรงที่มีฝนดาวตก บังเอิญมากที่กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศว่าคืนนี้จะมีฝนดาวตก จึงเกิดเรื่องราวความฮาที่ยาวนานในค่ำคืนนี้ที่แน่ๆอาบน้ำเสร็จแล้วทานอาหารเย็นกันก่อน[col2 ][/col2][col2 ][/col2]

อาหารเย็นเป็นอะไรที่อร่อยมาก มีการร้องขอให้เติมกับ เติมข้าว 2-3 รอบได้โดยหารู้ไม่ว่า คืนนี้เราต้องเจอศึกหนักด้วยหมูย่าง ไก่ย่าง กิจกรรมกองไฟ ท่ามกลางหมู่ดาว ยิ่งไปกว่านั้นการยิงยาวเล่นเกมกันรอฝนดาวตก 55+

[col2 ][/col2][col2 ][/col2]

หมูย่าง คอหมูย่าง ไก่แก่ 20 ปี และไข่ป่าม พร้อมน้ำจิ้มซีฟูดบ้าง น้ำจิ้มแจ๊วบ้าง ย่างกันแทบไม่ทัน อร่อยมาก มันไม่ใช่ความหิวแน่ๆเพราะอาหารเย็นเราก็กินกันเยอะมากอยู่แล้ว เราขอเชิญชวนให้มาลองด้วยตัวเองจ้า 55+

กิจกรรมท่ามกลางหมู่ดาวยิงยาวไกลกว่านั้นด้วย เกมโดเรม่อน 55+ ทุกคนมีเครื่องดื่มข้างกาย เบียร์บ้าง น้ำอัดลมบ้าง และน้ำเปล่าบ้าง ส่วนตัวเรานั้นกินหมูย่าง 55+ เป็นอะไรที่เราไม่เต็มใจทำเลยสักนิด (ประชดสุดๆ 55+) เราว่าหลายคนคงเคยเล่นแหละเกมนี้ ยิงยาวไป 5 ทุ่มสรุปคืนนั้นเห็นดาวตก 5 ดวง 0_o

[tdivider style=”fa-star” color=”#222222″]

THE 2ND DAY : บรรยากาศยามเช้าโคตรชิล

เราตื่นขึ้นมายามเช้า ด้วยอากาศเย็นเล็กน้อย ตอนนั้นฟ้ายังไม่สว่างมากเท่าไร ก็ออกไปเดินเล่นอีกรอบ ที่นี่เงียบสงัดมาก เราก็นั่งดื่มด่ำบรรยากาศแล้วก็รอเวลาสำหรับอาหารเช้าในวันนี้ หลายคนก็อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟันรอ

ความที่เราเอาพลุสีมาด้วย เลยอาศัยบรรยากาศที่ฟ้ายังไม่สว่างมากมาชวนกันจุดพลุเล่นกัน บรรยากาศมันจะฮิปสเตอร์หน่อย ทุกคนต่างสนุกสนานก่อนที่อาหารเช้าจะมาถึง ซึ่งเป็นออเดิร์ฟของอาหารเช้ามากกว่า กินเล่น แต่จริงจังกันมาก

กาแฟสดๆ ดริฟกันท่ามกลางบรรยากาศขุนเขา เตาปิ้งขนมปังแบบบ้านๆ อโวคาโดที่เขาปลูกกันเองก็เอามาทาขนมปัง กล้วยหอมเพิ่มความหวานให้กับขนมปังสุดแสนอร่อยในวันนี้ ถือเป็นเมนูที่เราไม่เคยลองทำเลยในชีวิต ทุกคนดูแฮปปี้มากแม้เวลาจะเช้า แต่ทุกคนดูสดชื่นกันจริงๆ

[col2 ][/col2][col2 ][/col2]

[col2 ][/col2][col2 ][/col2]

ช่วงเวลานี้เราก็มีเวลาสโลไลฟต์อย่างแท้จริง ด้วยความที่ช่วงเวลานี้เราเหลืออีกแค่กิจกรรมเดียวคือการทำสบู่ เราเลยมีเวลานั่งชิลกัน เด็กชาวเขาที่นี่เขาก็เฟรนลี่ ต้อนรับแขกอย่างเราๆดีมากเลย แล้วใครจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เรากินไปเมื่อกี้เป็นแค่ของว่าง 55+

เพราะของจริงนั้นคือข้าวต้มหมูนั่นเอง ดูสิเลี้ยงดีขนาดไหน อากาศเย็นๆ ข้าวต้มร้อนๆเป็นของคู่กันสบายๆ ทานเสร็จแล้วก็สามารถไปอาบน้ำได้ หรือใครอยากจัดข้าวจัดของได้เลย แต่ก็มีหลายคนแอบขอตามน้องๆไปเก็บคะน้าแม็กซิกัน เมนูอร่อยที่ขอเติมเมื่อคืน

ลืมเล่าไปว่าตอนเรามาถึงแคมป์ตอนแรก จะมีกระบอกไม้ไผ่ให้คนละอัน แล้วใส่ขวดน้ำไว้ พวกเราก็จะสะพายเดินเล่นกันสบายๆ เวลาหิวน้ำเมื่อไรก็หยิบ เราว่าเป็นความน่ารักของที่นี่เลย ไปต่อกันที่กิจกรรมสุดท้ายอย่างการเก็บดอกไม้ทำสบู่

ช่วงเวลาเก็บดอกไม้ ทุกคนจะมีมุมส่วนตัวของตัวเอง เชื่อเราสิมันเป็นช่วงเวลาที่เราจะได้คุยกับตัวเอง เพราะความเงียบของขุนเขา แต่ก็มีเสียงสายน้ำ และ เสียงนก ที่สำคัญเสียงช้างทักทายก็ดังไม่แพ้กันเลย เจ้าบัวเงินออกมาเดินเล่น ตอนที่เราเก็บดอกไม้กัน

สุดท้ายแล้วทุกคนก็จะมีดอกไม้ในมือ เพื่อมาทำสบู่ เก็บไว้เป็นความทรงจำว่าครั้งนึงเราเคยมาที่นี่ เราเคยมีเพื่อนเป็นช้าง และเราก็เคยเที่ยวกับคนที่ไม่รู้จัก แต่กลับทำให้เราไม่อยากจากไป เพราะเราไม่รู้เลยว่าเราจะได้เจอกันอีกเมื่อไร ที่ไหนของโลกใบนี้…

Khun Peung (6 August Journey)

6 August Journey เป็นผู้หญิงสาย IT ที่ชอบท่องเที่ยว และ ชอบการ Staycation เป็นชีวิตจิตใจ รวมทั้งยังชอบลิ้มลอง Hotel Dining + Omakase โดยเน้นให้ข้อมูลที่ละเอียดสำหรับทุกคนไปตามรอยได้

Don't Miss